การสงครามสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนส่งผลกระทบอย่างไรต่อเกษตรกรไทย
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสองประเทศนี้ก่อน
ยูเครนเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ยุโรปตะวันออกมีเนื่อที่เป็นอันดับสองในยุโรปรองมาจากประเทศรัสเซีย
มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ในยุโรปประมาณ 47 ล้านคน (2554) ชาวยูเครน 77.8% ชาวรัสเซีย 17.3%
อื่นๆ 4.9 % (2544)ประเทศยูเครนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 58% พื้นที่เป็นที่ราบลุ่มอุดุมสมบูรณ์มีแม่น้ำสำคัญ
ไหลผ่านได้แก่ แม่น้ำดนีเปอร์ แม่น้ำดนีสเตอร์ และแม่น้ำดานูบ ซึ่งไหลลงสู่ทะเลดำในอดีตเคยอยู่ใน
สหภาพโซเวียต(ประเทศรัสเซียในปัจจุบัน)
จะว่าไปแล้วยูเครนเป็นประเทศที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำประเทศหนึ่งเพราะเป็นพื้นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การเพาะปลูกโดยพืช
ผลทางการเกษตรที่ส่งออกหลักของประเทศยูเครน ได้แก่ เมล็ดดอกทานตะวัน ที่เป็นอันดับ 1 ในการผลิตของโลก,
ข้าวโพด, ข้าวบาร์เลย์, น้ำมันคาโนลาที่ทำมาจากผักกาดก้านขาว, ข้าวสาลี, ถั่วเหลือง และธัญพืชอื่นๆรัสเซีย
ยังเป็นผู้ผลิตสารอาหารสำหรับพืชรายใหญ่ เช่น แร่โพแทช (potash) และฟอสเฟต (phosphate)
ปุ๋ยฟอสฟอรัสหรือปุ๋ยตัวกลางซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในปุ๋ยที่ช่วยให้พืชผลเติบโต
ในส่วนของรัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกปุ๋ยเคมีเช่นกัน
รัสเซีย หรือ สหพันธรัฐรัสเซียเป็นประเทศในยูเรเซียเหนือ และเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่กว่า 10,000,000 ตารางกิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยของโลกถึงหนึ่งในแปด รัสเซียยังเป็นชาติที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 9 ของโลก
โดยมีประชากร 143 ล้านคน
รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก โดยมีปริมาณการส่งออกข้าวสาลี
รวมกันราว 29% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก และมีสัดส่วนการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงถึง 19% ของ
ตลาดโลกเมื่อเกิดสงครามทำให้ระดับราคาข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้นทันที เป็น 12.75 บาท/กก. จากราคา 8.91 บาท/กก.
ในปี 2564
ขณะที่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย พุ่งสูงกว่าตลาดโลกไปอยู่ที่ 12 บาท/กก. และมีแนวโน้มขยับต่อเนื่อง
ไปถึง 15 บาท/กก.
ผลกระทบที่เกษตรกรไทยจะได้รับจากสงครามรัสเซียยูเครนคือราคาปุ๋ยเคมีที่สูงขึ้นเนื่องจากราคาของแม่ปุ๋ยที่
สูงขึ้นทำให้ปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆปรับตัวสูงขึ้นทำให้เพิ่มต้นทุนทำการเพาะปลูกสูงขึ้นและผลผลิตอาจลดลงเนื่องจาก
การใช้ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรอาจมีการใช้ลดน้อยลงจากราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกทั้งยาปราบศัตรูพืชและ
ยากำจัดวัชพืชก็สูงขึ้นอีกทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้นทุนค่าน้ำมันที่นำไปใช้กับเครื่องจักรการเกษตรที่
เกษตรกรต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกทั้งราคาผลิตผลทางการเกษตรจะปรับขึ้นสอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นหรือไม่อ้นนี้
ต้องรอดูอีกที่
ในส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ก็อาจประสบกับปัญหาราคาอาหารเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากราคา
ข้าวสาลีที่พุ่งสูงขี้นรวมไปถึงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็ปรับตัวไปตามกันปัญหาอาจจะไม่จบที่อาหารสัตว์ราคาแพงเพียง
อย่างเดียวอาจเกิดการขัดแคลนอาหารเลี้ยงสัตว์เนื่องจากไม่สามารถนำเข้าส่วนประกอบของอาหารสัตว์จากสอง
ประเทศนี้ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์บางรายอาจต้องพักเล้าหยุดเลี้ยงสัตว์ชั่วคราวส่งผลต่อรายได้ของเกษตรอีก
อันนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ของเกษตรกรด้วย ใครจะรู้ได้ว่าการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะส่งผล
กระทบต่อเกษตรกรไทยในวงกว้างเช่นนี้เราเพียงหวังสงความจะจบลงโดยเร็วเพราะสงความมีแต่ความสูญเสีย
ใช้ได้กับกล้วยไม้ พืชกระถาง
แคคตัส ไม้ด่าง สนใจคลิกที่นี่👆
0 Comments